[SF SJ] Yes?! [Siwon x Kyuhyun?? feat ...??]
คยูฮยอนกำลังโดนรุ่นพี่หล่อรวยอย่างซีวอนจีบจริงๆหรือ??
ผู้เข้าชมรวม
870
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
คยูฮยอนก้มหลบสายตาผู้ชายหน้าตาดีคนนั้นแล้วยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา เหลือเวลาอีกห้านาทีกว่าจะเก้าโมงเช้า เพื่อนรักที่นั่งอยู่เกือบหลังสุดของห้องเรียนรวมขนาดใหญ่ก็ยังนั่งโบกมือเรียกรอให้เขาก้าวขึ้นบันไดไปหา ครั้นหันไปมองหน้าห้องรวมถึงเพื่อนร่วมคลาสคนอื่นก็ยังเป็นคนเดิมกับเมื่อครั้งที่แล้ว อาจารย์ก็ยังไม่มา โจคยูฮยอนไม่ได้เข้าห้องสาย ไม่ได้เข้าผิดคลาส ผิดวิชา อีกทั้งคนอื่น ๆ ยกเว้นเพื่อนสนิทก็ไม่ดีมีทีท่าสนใจเขามากมาย มันควรจะเป็นอย่างนั้น ... เหมือนที่เป็นมาตลอดตั้งแต่เปิดเทอม แล้วไอ้หน้าหล่อที่มองเขายิ้ม ๆ ไม่ยอมละสายตาตั้งแต่เขาเดินเข้าประตูมาจนนั่งเรียบร้อยอยู่ข้างชิมชางมินมันคืออะไร
“เป็นไรวะคยู ทำหน้าแปลก ๆ”
“เห็นไอ้หมอนั่นไหม ที่นั่งฝั่งโน้นแถวสามริมสุดน่ะ”
“อือ.. อ๋อ เออเห็น”
ชางมินมองตามคำบอกของเพื่อนไปจนเจอเป้าหมายเดียวกับที่คยูฮยอนมองอยู่ แม้ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นจะหันกลับไปสนใจกับสมุดเล็กเชอร์ของตัวเองแล้วแต่ความดูดีโดดเด่นก็แผ่รัศมีออกมาทำให้สังเกตเห็นได้ไม่ยาก
“ทำไมวะ”
“เขามองกูตั้งแต่เดินเข้าประตูจนเดินขึ้นมานั่งข้างมึงนี่ ไม่มองเปล่า มียิ้มนิดๆด้วย ไม่รู้เป็นอะไร”
“ฮ่ะๆๆ” ชางมินหัวเราะ โคลงศีรษะสองสามที “เขาชอบมึงมั้งคยูฮยอน”
“เหี้ยนี่..”
เพื่อนตัวสูงก้มหลบมะเหงกทันเวลาอย่างคนที่รู้จังหวะทำร้ายร่างกายของเพื่อนรักดีกว่าใคร มองหน้าตามุ่ย ๆ ปนสงสัยของคยูฮยอนแล้วชางมินจึงเมตตาเสริมความรู้รอบตัวให้อีกนิด ไม่รู้จะใช้ประโยชน์ได้หรือเปล่า แต่อย่างน้อยก็เป็นข้อมูลเพิ่มเติมให้เพื่อนได้รู้จักชายนิรนามที่เอาแต่จ้องตัวเองไม่วางตามากขึ้นอีกนิด
“ไม่เคยเห็นเขาใช่ปะล่ะ กูก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาชอบมึงรึเปล่า รู้แค่ว่าเขาเป็นรุ่นพี่ที่ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาปีนึงก็เลยต้องเรียนซ้ำ ชื่อชเวซีวอน”
“อือ..”
คยูฮยอนพยักหน้ารับรู้ และโดยไม่รู้ตัว .. เขาลอบมองไปที่ชเวซีวอนอีกหลายครั้งระหว่างคาบเรียน
.. ก็แค่อยากรู้ว่าจะมองขึ้นมาอีกไหมเท่านั้นแหละน่า ...
..............
“เฮ้ยคยู มึงอยู่ไหนเนี่ย ลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้อาจารย์จะเริ่มคาบเร็วกว่าปกติสิบห้านาที”
“เออ กูรู้ ก็รีบอยู่เนี่ย ขึ้นบันไดมาแล้ว”
“รีบเลยมึง”
เพราะมัวแต่เร่งฝีเท้าระหว่างกดวางสายเพื่อนรักทำให้ไม่ทันมองข้างหน้า ยังดีที่คยูฮยอนเบรกทันก่อนจะชนร่างสูงที่ยืนนิ่งเป็นกำแพงอิฐอยู่หน้าห้องเรียนรวม แต่ถึงไม่ชนเขาก็อยู่ใกล้ผู้ชายคนนั้นเสียจนได้กลิ่นน้ำหอมชัดเจนตอนที่เจ้าตัวหันมายิ้มให้
... ยิ้มให้ ... อีกแล้ว ...
“เอ้า มาสายอีกคนแล้ว คุณสองคนมานั่งแถวหน้าสุดนี่เลยมา”
คยูฮยอนสะดุ้งน้อย ๆ ก่อนจะเดินตามคำสั่งของอาจารย์ ..และ.. ตามหลังคนตัวสูงไปนั่งแถวหน้าสุดซึ่งใกล้อาจารย์เสียจนเขาไม่เคยคิดจะนั่งตรงนี้แม้แต่ครั้งเดียว
แต่สายตาของอาจารย์ยังดึงดูดความสนใจของคยูฮยอนได้ไม่เท่าตาคมของคนข้างตัว กระทั่งก้มหน้าก้มตาจดเล็กเชอร์อย่างขยันผิดปกติไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วเขาก็ยังรู้สึกได้ว่าคนข้างตัวยังคงมองเขาอยู่เนือง ๆ ไม่มองเปล่า ... มองแล้วยังยิ้มน้อย ๆ เหมือนสองครั้งที่ผ่านมาเสียด้วย..
... ใช่ .. สองครั้ง ครั้งแรกที่ผู้ชายคนนี้ .. ชเวซีวอน ..มองเขาในห้องเรียนรวมแห่งนี้เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว กับครั้งที่สองที่เดินสวนกันโดยบังเอิญหน้าคณะเมื่อวันก่อน หมอนี่ก็มองแล้วยิ้มให้อีกจนคยูฮยอนไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไรตอบไปดี..
... ‘เขาชอบมึงมั้งคยูฮยอน’...
จู่ ๆ คำพูดหยอกเล่นของชิมชางมินก็ดังขึ้นมาในสมอง คยูฮยอนสั่นศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านไร้สาระ เพิ่งรู้ตัวด้วยว่าตัวเองจรดดินสอกับสมุดเล็กเชอร์โดยไม่ได้เขียนอะไรลงไปสักตัวมาพักใหญ่แล้ว
“เอ่อ โทษนะครับ ไหน ๆ คุณก็นั่งเหม่ออยู่พักนึงแล้ว ผมถามอะไรนิดนึงได้ไหมครับ”
ชเว ซีวอน ถือเอาอาการตาโตแล้วมองเขาด้วยสายตาสงสัยปนแปลกใจเป็นคำอนุญาต ชายหนุ่มยิ้มแล้วก้มลงมองกระเป๋าสะพายที่คยูฮยอนวางเอาไว้บนโต๊ะเล็คเชอร์ตัวยาวสำหรับหนึ่งแถว คั่นกลางระหว่างสมุดของเขากับเจ้าตัว
“กระเป๋านี่สวยดี ซื้อจากไหนเหรอครับ”
คยูฮยอนอึ้ง ... งงกับคำถามไปเสี้ยววินาที แล้วจู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของเพื่อนผู้หญิงสักคนที่เขารู้จัก เจ้าหล่อนบอกว่ามีผู้ชายมาชวนคุยเรื่องสุดแสนจะไร้สาระ สุดท้ายก็เพื่อเป็นข้ออ้างจะคุยกับหล่อน ..จะจีบหล่อน
.. ไม่รู้ทำไมพอนึกถึงเรื่องนั้น คยูฮยอนถึงรู้สึกว่ารอยยิ้มของชเวซีวอนมันดูเขิน ๆ พิกล ...
อย่าบอกนะว่า...
ไม่มั้ง...
“อะ ..เอ่อ เมียงดงน่ะครับ”
ตอบคำถามงี่เง่า(ในความคิดของตัวเอง)ไปแล้ว คยูฮยอนก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตากดดินสอกดในมือยิก ๆ หวังว่าการทำเป็นตั้งใจเรียนจะช่วยตัดบทสนทนาระหว่างเขากับชเวซีวอนได้ คยูฮยอนไม่ได้รังเกียจอะไรถ้าจะมีผู้ชายมาจีบ .. เขาไม่ได้ต่อต้านเรื่องแบบนี้ ไม่ได้หวงความโสด แต่ว่า..
... โอย.. ไม่รู้จะคิดให้มันได้อะไรขึ้นมาสิน่า คนข้าง ๆ นี่จะจีบเขาจริง ๆ หรือเปล่ายังไม่รู้เลยไม่ใช่หรือ ...
“ผมว่า ดินสอคุณคงไส้หมดแล้วมั้งครับ ไม่เห็นมีอะไรออกมาเลย”
ตาย... คยูฮยอนมองดินสอกดไส้หมดเกลี้ยงในมืออย่างไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แทนที่ของในมือจะช่วยตัดบทสนทนาให้กลับกลายเป็นทำให้เขารู้สึกขายหน้าที่ทำอะไรเหมือนสาวน้อยผู้เขินอายเพราะมีชายหนุ่มรูปหล่อมานั่งข้างๆ
คยูฮยอนค้นในกระเป๋าใบที่ซีวอนบอกว่าสวยแล้วก็ต้องถอนหายใจเฮือก เมื่อเช้าเขาคงรีบจนลืมเอากระเป๋าดินสอมา ดินสอกดที่ไส้หมดไปแล้วแท่งเมื่อกี้จึงเป็นอย่างเดียวที่ “เคย” ใช้ได้เนื่องจากเขาเสียบมันเอาไว้ข้างกระเป๋าประจำเผื่อจะต้องใช้เขียนอะไรด่วนแล้วขี้เกียจค้นของข้างในให้ยุ่งยาก
ยังไม่ทันคิดว่าจะรู้สึกหน้าแตกแค่ไหนถ้าต้องเงยขึ้นยิ้มแห้ง ๆ เพื่อขอยืมเครื่องเขียนสักอย่างจากชเวซีวอน ปากกาหรูดูดีมีสกุล “ชเว” เขียนด้วยเส้นสีทองวับตวัดลายสวยงามที่ปลายด้ามก็ถูกยื่นมาตรงหน้า
“ถ้าไม่รังเกียจ ใช้นี่ก่อนก็ได้นะครับ”
“อะ..เอ่อ.. ขอบคุณครับ”
มือเรียวรับปากกาท่าทางราคาแพงนั้นมาเขียน พยายามไม่สนใจรอยยิ้มเอื้อเฟื้อของเจ้าของนามสกุลบนปากกาแล้วตั้งใจจดตามที่อาจารย์พูด ซึ่งอันที่จริงคยูฮยอนจดไปได้ไม่เท่าไรก็เหม่ออีกครั้ง จะเหม่อเรื่องอะไรเสียอีกถ้าไม่ได้เพราะมัวแต่คิดมากเรื่องผู้ชายข้าง ๆ
ถ้าไม่ได้คิดอะไร ทำไมต้องมอง..ต้องยิ้มให้หลายต่อหลายครั้ง คำถามเรื่องกระเป๋านั่นก็ดูเป็นข้ออ้างเพื่อสนทนากับเขายังไงไม่รู้ คนเราจะเริ่มต้นคุยกับคนแปลกหน้าโดยถามว่าซื้อกระเป๋าที่ไหนสักกี่คนกันเชียว.. แล้วยังจะให้ยืมปากกาประจำตระกูล (?) มาใช้ง่าย ๆ อย่างนี้อีก...
“เอ้า วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกันนะนักศึกษา เลิกเรียนได้”
เสียงอาจารย์ปลุกเด็กหนุ่มจากภวังค์ คยูฮยอนหันไปเห็นซีวอนกำลังเก็บข้าวของก็นึกขึ้นได้ รีบยื่นปากกาสกุลชเวให้ราวกับไม่กล้าจับของแพงนานเกินสองชั่วโมง
“คืนครับ ขอบคุณมาก”
“อ้อ ไม่ต้องหรอกครับ” ซีวอนยิ้มพร้อมยกมือปฏิเสธอย่างสุภาพ..มาก “คุณคงต้องใช้จดเล็กเชอร์วิชาอื่นอีกทั้งวัน เอาไปใช้เลยก็ได้ครับ ผมให้”
ยิ้มทิ้งท้ายแล้วก็เดินออกจากห้องเรียนรวมไป ทิ้งให้คยูฮยอนยืนถือปากกาทำตาปริบ ๆ อยู่ตรงนั้นกระทั่งชิมชางมินเดินลงมาจากที่นั่งด้านบน
“เป็นไรวะคยู อย่าบอกนะว่าคุณพี่ซีวอนนั่นจีบมึงจริงๆแล้วมึงก็ตกหลุมเขาไปแล้ว?”
“ไม่รู้ว่ะชางมิน...”
คยูฮยอนมองปากกาในมือ ปากกาหรูขนาดนี้ใครเขาจะให้คนแปลกหน้าง่าย ๆ อย่างที่ชเวซีวอนทำ ถ้าไม่ใช่ว่าหมอนั่น.....
“..ไม่แน่ มึงอาจจะพูดถูกก็ได้”
..............
คยูฮยอนไม่ต้องรอพิสูจน์คำพูดของชางมินนานถึงอาทิตย์หน้าที่มีเรียนวิชานั้นด้วยซ้ำ วันรุ่งขึ้นตอนที่เขานั่งเล่นหมากรุกอยู่กับเพื่อนในชมรมหมากกระดานที่ตึกชมรมของมหาลัย หน้าหล่อ ๆ ของชเวซีวอนก็โผล่เข้ามาให้ตกใจเล่นจนลืมแผนการเดินหมากในหัวไปเสียหมด
“เฮ้ย ทุกคน นี่ชเวซีวอน คณะบริหาร ปีสอง แต่อายุเท่าปีสามเพราะไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาปีนึง เขาจะมาเป็นสมาชิกใหม่ของชมรมเรา”
“สวัสดีครับ ฝากตัวด้วยนะครับ”
คยูฮยอนมอง “สมาชิกใหม่” ตั้งแต่หัวจรดเท้าคล้ายจะให้แน่ใจว่าเป็นซีวอนคนเดียวกับที่(คยูฮยอนสงสัยเอาเองว่า)กำลังจีบเขา ... หรือไม่ก็ทำตัว “คล้ายๆ”จะจีบเขา ...
ตากลมหยุดอยู่ที่กระเป๋าสะพายของซีวอน กระเป๋าใบนั้นยังคงเป็นแบรนด์เนมใบเดิมไม่ใช่กระเป๋าแบบของเขาที่ซีวอนบอกว่าสวยและถามสถานที่ซื้อ บางที..ซีวอนอาจยังไม่ได้ซื้อ หรือไม่ได้ตั้งใจจะซื้อตั้งแต่แรก
บางที ... อาจจะถามไปอย่างนั้นเอง ถามเพื่อหาเรื่องคุยกับเขา
“ซีวอนชอบเล่นหมากกระดานประเภทไหนล่ะ หมากรุก หมากฮอส โกะ หรือว่าบริดจ์?”
คำถามของประธานชมรมดึงความสนใจของทุกคนไปอยู่ที่สมาชิกใหม่อีกครั้ง ซีวอนลูบท้ายทอยแก้เก้อก่อนตอบ
“คือที่จริง...ผมเล่นอะไรไม่เป็นเลยน่ะครับ ถ้าไม่เป็นการรบกวน ผมอยากจะขอให้ช่วยสอนหมากรุกให้หน่อย..”
“อ้าว จริงเหรอ ไม่เป็นไร ชมรมเราต้อนรับทุกคน เล่นไม่เป็นก็ฝึกได้ จริงไหม.. อืม งั้นให้คยูฮยอนสอนก็แล้วกัน รายนั้นเขาถนัดหมากรุกที่สุดน่ะ อยู่ชั้นปีเดียวกันคณะเดียวกันด้วยนี่ ใช่ไหมคยูฮยอน”
“อะ เอ่อ ครับพี่”
คยูฮยอนยิ้มรับรุ่นพี่ประธานชมรมอย่างฝืน ๆ แล้วยิ้มพอเป็นพิธีให้ชเวซีวอนที่ย้ายตัวเองมานั่งตรงข้ามเขาแทนที่คนที่เล่นหมากรุกด้วยกันเมื่อครู่ จริงอยู่ที่ประธานบอกว่าชมรมต้อนรับทุกคนไม่ว่าจะเล่นเป็นหรือไม่ แต่กรณีชเวซีวอนก็ยังถือว่าแปลกอยู่ดี ปกติน้อยคนนักที่จะเข้าชมรมอะไรที่ตัวเองไม่มีความรู้ด้านนั้นเลยสักนิด หนำซ้ำเข้ามาแล้วยังระบุว่าอยากจะให้สอนหมากรุกอีกต่างหาก ทั่วไปคนที่เล่นหมากกระดานไม่เป็นสักอย่างต้องอยากจะเริ่มจากอะไรง่าย ๆ อย่างหมากฮอสก่อนจะพัฒนาไปเป็นสิ่งที่ยากกว่าไม่ใช่หรือ
คยูฮยอนอธิบายชื่อเรียกและวิธีเดินของหมากแต่ละประเภทในกระดานไปเรื่อย ๆ ทว่าในใจกลับยังคิดวนเวียนอยู่ประเด็นเดิม การเข้ามาเป็นสมาชิกชมรมหมากกระดานของซีวอนดูเจาะจงเกินไป หนำซ้ำยังเจาะจงมาเรียนในสิ่งที่ประธานมักมอบหมายให้เขาเป็นคนสอนอีกด้วย
... อย่าบอกนะว่าซีวอนเข้าชมรมเพื่อตามจีบเขาจริง ๆ ...
...............
“ชางมินนนนนนนนนนน”
เพื่อนรักถลาพุ่งเข้าหาทันทีที่ชางมินบอกอนุญาตให้เปิดประตูเข้ามาได้ คยูฮยอนมานั่ง นอน เล่นเกมส์ กินเหล้า และอีกสารพัดกิจกรรมที่ห้องเขาอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่มีครั้งไหนที่เพื่อนตัวขาวบางหน้าตาโมเอ้ขึ้นทุกวันจะปราดเข้ามาจับแขนเขาด้วยสีหน้าตระหนกปนเขินแปลก ๆ อย่างวันนี้
“มึงเป็นอะไรเนี่ยคยู หน้าแดงเหมือนสาวถูกหนุ่มในฝันสารภาพรัก”
..ที่แปลกขึ้นไปอีกคือ .. วันนี้คยูฮยอนไม่ลงมะเหงกบนหัวเขาหรือด่าสาดเสียเทเสียเหมือนทุกครั้งเวลาชางมินพูดล้อเล่นแบบนี้ ..
“เฮ้ยคยู... อย่าบอกนะว่า..”
“ชางมิน มึงฟังนะ ฟังให้ดีๆ ....” คยูฮยอนสูดหายใจลึกราวกับกำลังจะพูดเรื่องคอขาดบาดตาย “...ชเวซีวอน ขอเบอร์กู”
ห้องทั้งห้องเงียบจนชางมินแทบจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงของเพื่อน เขาเชื่อเหลือเกินว่าเมื่อกี้ตอนเข้าห้องมาถ้าคยูฮยอนมันกรี๊ดได้มันคงทำไปแล้ว
... เพราะหน้าคยูฮยอนตอนนี้เหมือนอยากจะกรี๊ดด้วยความตื่นเต้นดีใจที่หนุ่มหล่อมาขอเบอร์.. เหมือนจริงๆ ...
“เดี๋ยว ใจเย็นนะครับคุณโจคยูฮยอน กูไม่เคยเห็นมึงชอบผู้ชายคนไหน ... หรืออย่างน้อยก็ไม่เคยเห็นมึงชอบผู้ชาย แล้วนี่ชเวซีวอน ...ผู้ชายหล่อรวยที่เพิ่งจะเจอกันแล้วมองตากันไม่กี่ครั้งมาขอเบอร์นี่มึงตื่นเต้นขนาดนี้? อย่าบอกนะว่าตอนสอนหมากรุกในชมรมนี่พี่ซีวอนมองตามึงจนมึงท้อง”
“เหี้ยชางมิน กูไม่ใช่ปลากัด...” ด่าเพื่อนให้สมกับเป็นโจคยูฮยอนไปแล้ว แต่ก็อดคิดไม่ได้ .. “..แต่ถึงไม่ท้อง สายตาเขาก็ทำกูรู้สึกแปลก ๆ ว่ะ กูไม่สงสัยแล้วว่าทำไมสาว ๆ ชอบคนแบบนี้ .. แม่ง.. จีบเก่งเป็นบ้า”
“ทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ายิ้มให้มึง ถามมึงเรื่องกระเป๋า ให้ปากกามึง แล้วก็ให้มึงสอนเขาเล่นหมากรุกเนี่ยนะ”
“เออ ... กูถึงได้บอกไงว่า.. จีบเก่ง”
พูดแล้วคยูฮยอนก็หน้าแดงเสียเอง ชางมินอยากจะเอากระจกให้ส่องเสียจริง ๆ เพื่อนรักจะได้รู้ตัวสักทีว่าตัวเองเป็นเอามากแค่ไหน
นั่นไง ... พูดไม่ทันขาดคำ คยูฮยอนก็หันโทรศัพท์ที่โชว์สายเรียกเข้าชื่อชเวซีวอนให้เขาดูด้วยท่าทางตื่นเต้น ทำยังกับตัวเองเป็นสาวรุ่นแรกรัก
“ครับ .. พี่ซีวอน”
โอย...เสียงหวาน ๆ แบบนั้นชางมินฟังแล้วขนลุก เขารู้ว่าสองคนนั้นเจอกันในชมรมและเวลาเรียนวิชาในห้องเรียนรวมบ่อยครั้งจนเปลี่ยนคำเรียกให้สนิทกันแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกว่า “พี่ซีวอน” ที่ออกจากปากคยูฮยอนเมื่อครู่ฟังดูเลี่ยนเกินจริงอยู่ดี
“มึงเป็นเอามากนะคยู”
ชางมินพูดหน่าย ๆ หลังจากคยูฮยอนวางสาย ทว่าเพื่อนสนิทกลับไม่สนใจสักนิด
“มึงเงียบเลยชางมิน รู้ไหมเมื่อกี้พี่ซีวอนว่ายังไง”
“อืม ว่าไง”
“เขาชวนกูไปดินเนอร์เว้ย ถึงจะบอกว่าเพื่อขอบคุณเรื่องที่สอนหมากรุกก็เหอะ แต่แค่สอนตามหน้าที่ในชมรมก็ไม่เห็นต้องหาเรื่องไปกินข้าวสองต่อสองปะวะ มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ ๆ มึงว่ามะ”
... คยูฮยอนมันเป็นเอามากจริง ๆ ...
คยูฮยอนได้ยินทุกคำที่ชางมินว่า ทั้งว่าออกมาเสียงดังและแอบด่าอยู่ในใจ เชื่อเถอะ..ไอ้เพื่อนรักมันต้องด่าว่าเขา “เยอะ” แต่เขาก็เชื่อว่าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองถึงขนาดนั้น ไม่ต้องพูดถึงหน้าตาน่ารักโมเอ้เป็นที่หมายปองของทั้งหนุ่มทั้งสาวก็ได้ แค่ดูพฤติกรรมของซีวอนก็ชัดออกขนาดนั้นไม่ใช่หรือ ถึงแม้ก่อนหน้านี้คยูฮยอนจะไม่เคยคิดคบผู้ชาย แต่ถ้าซีวอนยังทำตัว “เหมือนกำลังจีบ” เขาอยู่อย่างนี้ต่อไปละก็ ... มันก็ไม่แน่
คิดแล้วก็ยิ้มพลางยกขาพาดโต๊ะเอนหลังเล่นเกมอย่างสบายอารมณ์ บ่ายนี้ไม่มีใครเข้าชมรมและคยูฮยอนก็เลิกเรียนเร็วเขาจึงมานั่งเล่นเกมเรื่อยเปื่อย แน่ละ .. ไม่มีใครเล่นหมากรุกด้วย แต่ก็ไม่แน่ ถ้าหากซีวอนลงเรียนไม่ต่างจากเขานักละก็ซีวอนก็จะเป็นคนเดียวในชมรมที่ว่าง และ..คยูฮยอนอาจจะได้คู่เล่นหมากรุกเป็นสมาชิกใหม่ที่เขาสอนเองกับมือก็ได้
ไม่นึกว่าแค่คิดเล่น ๆ ... แต่เพียงไม่ถึงห้านาทีต่อมาชเวซีวอนก็มายืนยิ้มจนเห็นลักยิ้มข้างแก้มอยู่ที่ประตูห้องชมรม
...พร้อมดอกลิลลี่ช่อโตในมือ...
“คยูฮยอน พี่นึกแล้วเชียวว่าต้องอยู่ที่นี่”
“อะ..เอ่อ พี่ซีวอน มีอะไรเหรอครับ”
คยูฮยอนเอาเท้าที่พาดโต๊ะลงโดยอัตโนมัติ มองช่อลิลลี่สลับกับหน้ายิ้มหล่อของซีวอน ตาย...ตายละ ซีวอนถือดอกไม้ช่อนั้นแล้วเดินตรงมาหาเขา ยัง..ยังไม่พอ ยังยิ้มแล้วยื่นให้อีกต่างหาก
มือเรียวรับดอกไม้ช่อใหญ่นั้นอย่างอึ้ง ๆ หัวใจเต้นแรงแทบระเบิดออกมานอกอก
คนให้ไม่พูดอะไรนอกจากยิ้มแล้วเดินจากไป ทิ้งให้คยูฮยอนยืนใจเต้น หน้าร้อนตัวร้อนราวกับคนเป็นไข้ สิ่งเดียวที่บอกว่าเขาไม่ได้กำลังฝันก็คือช่อดอกไม้ที่อุ้มอยู่ในอ้อมแขน ดอกลิลลี่สีขาวจัดช่อสวยงามราคาไม่น้อยส่งกลิ่นอ่อน ๆ บอกคยูฮยอนว่าซีวอนแวะมาให้ดอกไม้เขาจริง ๆ
... ไม่แค่ทำตัว “เหมือนกำลังจีบ” แล้วละ ... ชเวซีวอนกำลังจีบเขาแน่ ๆ !!
... และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ คยูฮยอนคิดว่าเขาชักเริ่มมีใจให้ผู้ชายคนนั้นแล้วเสียด้วยสิ...
.........
คยูฮยอนใช้เวลาสองสามวันต่อมาโดยนับวันคอยให้ถึงวันเสาร์ ... วันที่ซีวอนชวนเขาไปกินข้าวเพื่อเลี้ยงขอบคุณที่สอนหมากรุกให้ ทว่าเขากลับรู้สึกเหมือนเป็นการนับวันคอย “ไปเดท” เสียมากกว่า ชางมินปวดหัวกับเล็คเชอร์ที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากวาดรูปเล่นเรื่อยเปื่อยผสมตัวอักษรสองสามตัวที่ประกอบได้เป็นคำว่า “ชเวซีวอน”ที่คยูฮยอนยื่นให้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากด่าเพื่อนว่า “เยอะว่ะ” แล้วก็คืนเจ้าของไป
“เฮ้ยกูถามจริง ๆ นะคยูฮยอน นี่เขาจีบมึงหรือมึงแอบไปปิ๊งเขาก่อนกันแน่วะ”
“กูเปล่า กูก็เพิ่งรู้จักเขาตอนมึงบอกชื่อเสียงเรียงนามในคาบนั้นไง”
พูดพลางจัดทรงผมในกระจกเป็นครั้งที่เท่าไรก็จำไม่ได้ ชางมินมองเพื่อนแต่งตัวแล้วส่องกระจกในห้องเขามาเป็นชั่วโมง ๆ ด้วยความหมั่นไส้ตงิด ๆ ไอ้นี่มันตกลงใจชอบซีวอนตั้งแต่เมื่อไรทำไมเขาไม่เห็นรู้เรื่อง เห็นมาบอกให้ฟังทุกวัน ๆ ว่าสงสัยพฤติกรรมชเวซีวอน กลัวว่าตัวเองกำลังถูกจีบอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วทำไมมันลงเอยที่คยูฮยอนยืนส่องกระจกเช็คเสื้อผ้าหน้าผมก่อน “ไปเดท” อย่างที่มันว่าได้ล่ะ
“บางทีอาจเพราะว่าที่ผ่านมากูไม่เคย.. แล้วกูก็อาจจะชอบความรู้สึกของคน “ถูกจีบ” ก็ได้ว่ะ ก็..เพิ่งรู้ว่าถูกจีบแล้วมันรู้สึกดีแบบนี้”
ชางมินไม่รู้จะตอบอะไรนอกจากถอนหายใจ .. มองคยูฮยอนหยิบกระเป๋าสะพายเตรียมออกไปเจอซีวอน
“กูไปนะชางมิน”
“เออ โชคดีเว้ย”
ชเวซีวอนยืนยิ้มหล่อคอยเขาอยู่หน้าห้างที่นัดกันเอาไว้ คนอายุมากกว่าถามคยูฮยอนว่าอยากกินอะไรแล้วก็พาไปที่ร้านสุกี้ตามใจคยูฮยอน
“ไม่ต้องตามใจผมขนาดนั้นหรอกครับ ถ้าพี่ซีวอนไม่อยากกินก็..”
“ไม่ได้หรอก พี่เลี้ยงคยูฮยอนเพื่อขอบคุณที่สอนหมากรุกให้นะ ยังไงก็ต้องตามใจให้เต็มที่”
ว่าแล้วก็ยิ้ม รินน้ำแล้วส่งให้ จังหวะที่รับแก้วมือเรียวสัมผัสกับมืออุ่นพอดีคยูฮยอนจึงสะดุ้งเล็กน้อย เด็กหนุ่มยกน้ำขึ้นดื่มอย่างเขินอาย ไม่รู้เมื่อกี้ซีวอนตั้งใจแตะโดนมือหรือเปล่า แต่ดูจากท่าทีสบาย ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งยังคำพูดเมื่อครู่ คยูฮยอนคิดว่าถ้าซีวอนไม่ได้พยายาม “เนียน” จีบเขา ก็คงเป็นเพราะซีวอนเองก็เขินไม่น้อย เอาแต่อ้างว่าเลี้ยงเพื่อขอบคุณอยู่นั่นแหละ แล้วที่ลวกกุ้งหอยปูปลาแล้วตักให้เขาเสียเต็มจานนี่คืออะไร
.. ไม่ใช่เพราะอยากจะเอาใจหรอกหรือ ..
“คยูฮยอนชอบกินอาหารทะเลใช่ไหม กินเยอะ ๆ เลยนะครับ”
“เอ่อ .. แล้วพี่ซีวอนไม่กินเหรอฮะ”
“ไม่เป็นไรครับ ก็คยูฮยอนชอบนี่นา กินเถอะ ยังมีลูกชิ้นมีผักอีกตั้งเยอะ พี่กินพวกนี้ก็ได้ครับ”
คยูฮยอนก้มหน้าอมยิ้มกับกุ้งตัวโตในจาน รู้สึกหัวใจพองโตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
.
“ขอบคุณที่มาส่งนะครับพี่ซีวอน”
“ไม่เป็นไรครับ”
ซีวอนยิ้ม ... ยิ้มที่ทำให้โลกของคยูฮยอนสดใสขึ้นเท่าตัว ถ้าหากหัวใจของเขาเป็นลูกโป่งละก็ ตอนนี้มันคงจะพองโตจนแทบระเบิดแล้วกระมัง คยูฮยอนชอบมองเวลาซีวอนยิ้มจนเห็นลักยิ้มที่ข้างแก้ม ชอบมอง...และอยากมองไปอีกนาน ๆ
“งั้นพี่ไปก่อนนะ”
คยูฮยอนยกมือโบกตอบซีวอนที่กำลังโบกมือลาพลางเดินถอยหลัง เสียดาย..วันนี้ซีวอนยังไม่ขอคบ แต่ก็คงไม่นานนี้หรอก อีกไม่นาน..ซีวอนคงจะขอเขาเป็นแฟน
..และเมื่อถึงวันนั้น คยูฮยอนจะไม่ลังเลที่จะตอบตกลงแน่ ๆ...
“อ้อ คยูฮยอน”
ซีวอนหยุดถอยหลัง ทำท่าเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้
“ครับ?”
“งานปาร์ตี้บายเนียร์ของคณะปีนี้ คยูฮยอนมีใครควงไปงานหรือยัง”
ตากลมเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย หัวใจเต้นโครมครามน่ากลัว ไม่คิด...ว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้
...ปกติงานปาร์ตี้บายเนียร์ของคณะจะเป็นเสมือนงานอวดคนรักของเหล่านักศึกษาคณะบริหาร ถ้าควงใครไปก็เท่ากับประกาศว่าเป็นแฟนกัน...
คยูฮยอนได้ยินเสียงตัวเองตอบออกไปเบาและสั่นเหลือเกิน
“ย..ยัง .. ไม่มีครับ”
“งั้น..”
ซีวอนลูบท้ายทอยอย่างเก้อเขิน คนมีลักยิ้มยิ้มให้เขาอีกแล้ว...
.
.
“งั้นก็... รีบหาซะนะครับ”
“อะ..” คยูฮยอนอ้าปากค้าง เกือบหลุดคำว่า “อ้าว” ออกไปแล้ว ทว่าสติที่เกือบหลุดเพราะถูกประโยคเมื่อครู่ของซีวอนตีหัวเข้าอย่างจังจนมึนตึ้บก็ยังบังคับให้เขาถามคำถามออกไปได้ ... แม้จะตะกุกตะกักเต็มที
“แล้ว..แล้ว พี่ซีวอน..ละครับ”
สมองค่อย ๆ เรียบเรียงเรื่องราวเกี่ยวกับซีวอนให้ปะติดปะต่อเป็นรูปเป็นร่าง เขายังหาไม่เจอด้วยซ้ำว่าตัวเองต่อจิ๊กซอว์เรื่องทั้งหมดผิดตรงไหน
“พี่จะพาแฟนไปน่ะครับ แต่ไม่รู้เขาจะยอมมารึเปล่า เห็นเอาแต่บ่นว่าตัวเองแก่ ไม่เหมาะจะมางานแบบนี้ แต่พี่ว่าไม่เห็นจะแก่ตรงไหนเลย ก็แค่เพิ่งเข้าทำงานสองสามปีเท่านั้นเอง”
พูดไปก็เขินไป .. เล่นเอาคยูฮยอนปั้นหน้าไม่ถูก โอเค..เขาเคยเห็นท่าทางเขิน ๆ ของซีวอนมาบ้าง แต่ไม่ใช่เขินเพราะพูดเรื่องแฟนตัวเองแบบนี้
“พูดถึงก็โทรมาพอดีเลย งั้นขอตัวนะคยูฮยอน เจอกันในชมรมนะ”
ซีวอนโบกมือสองสามทีแล้วหันหลังกลับ คยูฮยอนยังทันเห็นใบหน้ายิ้มอาย ๆ ของซีวอนขณะรับโทรศัพท์ก่อนจะหันหลังเดินไปโดยไม่สนใจเขาอีก แว่วเสียงหวาน ๆ ที่ใช้พูดกับ “แฟน” มากระแทกหัวใจให้เจ็บเล่น
“ครับคุณคังอิน อะไรกัน อย่าคิดนะว่าจะไปทำงานต่างจังหวัดแล้วจะเอามาเป็นข้ออ้างได้น่ะ คราวที่แล้วคุณก็ทำผมเจ็บแทบเดินไม่ไหวไปหลายวันแล้วนะครับ”
คยูฮยอนเดินคอตกมาเจอภาพบาดตาบาดใจเย็นวันอังคารนั้นเอง เมื่อวันเสาร์...เขารู้สึกว่าคำอวยพรขอให้โชคดีของชางมินไม่ได้ช่วยอะไรเลย คยูฮยอนกลับห้องพร้อมอาการช็อค .. และยังช็อคค้างกระทั่งมาเจอชางมินในคาบเรียนวันนี้
หลังจากชางมินเฝ้าถามและโบกไม้โบกมือหน้าเขาเวลาเขาเหม่ออยู่หลายต่อหลายครั้ง เพื่อนรักที่เงยขึ้นมองตามคยูฮยอนไปที่ทางเท้าหน้าคณะก็เริ่มเข้าใจโดยไม่จำเป็นต้องอธิบายแม้แต่คำเดียว
ชเวซีวอนเดินเข้าสู่อ้อมกอดของผู้ชายตัวโตใส่สูทที่จอดรถรอรับอยู่หน้าคณะ คนที่คยูฮยอนเคยคิดว่าจีบเขากำลังเอียงแก้มให้เจ้าของอ้อมกอดหอมเอาตามใจชอบ
“ชางมิน”
“หือ?”
ชางมินหันมองเพื่อนสนิทที่กำลังหรี่ตามองภาพนั้นด้วยสีหน้าอธิบายยาก
“ทำไมจู่ ๆ กูก็ อกหักจากคนที่กูคิดว่าเขาแอบชอบกูวะ”
“ก็เพราะ..” ชางมินเว้นวรรค โอบบ่าเพื่อนแล้วตบเบา ๆ
“..ที่ผ่านมามึงคิดไปเองทั้งนั้นไงล่ะคยูฮยอน”
..........
From Siwon’s side..
“เอ้า มาสายอีกคนแล้ว คุณสองคนมานั่งแถวหน้าสุดนี่เลยมา”
ซีวอนเดินไปนั่งแถวหน้าสุดตามที่อาจารย์สั่ง เห็นแล้วว่าผู้ชายตัวบาง ๆ เจ้าของกระเป๋าสวยถูกใจคนนั้นก็เดินตามมาด้วย แน่ละ..เขาจำผู้ชายคนนี้ได้ แม้จะยังไม่รู้จักชื่อก็ตาม กระเป๋าสะพายแบบนั้นแม้ไม่ใช่ของแพงแต่ทั้งแบบและสีสวยถูกใจเขานักซีวอนจึงเล็งเอาไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจ้าของมันเดินเข้าห้องเรียนรวมแห่งนี้มาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
“เอ่อ โทษนะครับ ไหน ๆ คุณก็นั่งเหม่ออยู่พักนึงแล้ว ผมถามอะไรนิดนึงได้ไหมครับ”
.
.
“กระเป๋านี่สวยดี ซื้อจากไหนเหรอครับ”
ซีวอนยิ้ม รู้สึกเขินนิด ๆ ที่จู่ ๆ ก็ถามถึงกระเป๋าของคนที่ไม่เคยรู้จักกัน
“อะ..เอ่อ .. เมียงดงน่ะครับ”
ตอบเสร็จเจ้าตัวก็ก้มหน้ากดดินสอยิก ๆ ซีวอนเข้าใจดีว่าคงไม่อยากยุ่งกับเขามากนัก แต่เสียงกดดินสอกรี๊กๆก็ออกจะน่ารำคาญสักหน่อย นอกจากจะทำลายสมาธิในการเรียนของเขาพอควรแล้วยังไม่เกิดประโยชน์ต่อเจ้าตัวสักนิด ดินสอนั่นไส้หมดแล้ว กดเท่าไรก็คงไม่มีอะไรออกมา
“ผมว่า ดินสอคุณคงไส้หมดแล้วมั้งครับ ไม่เห็นมีอะไรออกมาเลย”
บอกไปแล้วก็นึกขำท่าทางลนลานหาเครื่องเขียนในกระเป๋าของคนข้างตัวจนความรำคาญเมื่อครู่คลายจางไป แน่นอน...ซีวอนถูกอบรมมาดีพอที่จะไม่แสดงกิริยารำคาญหรือหัวเราะคนอื่นออกมาอย่างชัดเจนไร้มารยาทเช่นนั้น และเขาก็เป็นคนมีน้ำใจพอที่จะยื่นปากกาของตัวเองให้อีกฝ่าย
และเมื่อหมดคาบเขาก็ปฏิเสธที่จะรับปากกกาด้ามนั้นคืน เหตุผล..นอกจากน้ำใจแล้ว ปากกาด้ามนั้นก็ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไร เป็นปากกาที่บริษัทพ่อเขาทำเป็นของขวัญปีใหม่แจกพนักงาน ที่บ้านยังมีเหลืออีกเป็นกระบุงด้วยซ้ำ
ซีวอนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนนั้นต้องทำหน้าอึ้งและซาบซึ้งประหนึ่งเขาให้ของดีมีราคาขนาดนั้นด้วย
...........
ซีวอนเดินตามประธานชมรมหมากกระดานไปที่ห้องชมรม แม้ก่อนหน้าจะเล่นอะไรไม่เป็นเลย แต่เขาก็หมายมั่นปั้นมือจะเล่นหมากรุกให้เป็นจากการเข้าชมรมนี้ เหตุผล...มีข้อเดียว เขาอยากให้พ่อของคังอินยอมรับ
พ่อของคังอินไม่ค่อยชอบใจเท่าไรที่ลูกชายคบหากับผุ้ชายด้วยกันแทนที่จะเป็นสาวสวยสักคน แม้จะไม่ได้ต่อต้านอย่างรุนแรง แต่ทุกครั้งที่ไปที่บ้านคังอินซีวอนก็ไม่อยากรู้สึกประดักประเดิดกับพ่อของคังอินอย่างที่เป็นอยู่ เขารู้มาว่าพ่อของคังอินชอบเล่นหมากรุก และถ้าหากเขาสามารถเป็นคู่เล่นหมากรุกกับพ่อคังอินได้ บางทีซีวอนอาจทลายกำแพงอคตินั้นและทำให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับได้ไม่ยาก
“สวัสดีครับ ฝากตัวด้วยนะครับ”
ซีวอนโค้งทักทายทุกคนหลังจากประธานชมรมแนะนำตัวเขาเรียบร้อย เผลอจับสายกระเป๋าสะพายเล็กน้อยด้วยความประหม่าเมื่อสายตาทุกคู่ในห้องจับจ้องเขาเป็นจุดเดียว โดยเฉพาะผู้ชายคนที่เขาเคยถามเรื่องกระเป๋าในห้องเรียนรวมเมื่อวันก่อน แอบเห็นด้วยหางตาว่าผู้ชายหน้าตาน่ารักคนนั้นมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า บางทีอาจจะคิดว่าเขาเป็นคนแปลก ๆ ที่ทักทายคนแปลกหน้าด้วยคำถามตลกที่ว่าซื้อกระเป๋าที่ไหนกระมัง
แต่สำหรับซีวอน เขาไม่รู้สึกว่านั่นเป็นคำถามตลก เขาชอบเรื่องแฟชั่น และไม่ลังเลที่จะถามไถ่แล้วหาซื้อของถูกใจมาไว้กับตัว กระเป๋าใบนั้นเขาไปเมียงดงเย็นวันเดียวกับที่ถามเพื่อไปตามหาแล้วก็ซื้อมาไว้ที่บ้านเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่เมื่อเช้ารีบมากจนยังไม่ทันได้เปลี่ยนกระเป๋าเท่านั้นเอง
“ซีวอนชอบเล่นหมากกระดานประเภทไหนล่ะ หมากรุก หมากฮอส โกะ หรือว่าบริดจ์?”
“คือที่จริง...ผมเล่นอะไรไม่เป็นเลยน่ะครับ ถ้าไม่เป็นการรบกวน ผมอยากจะขอให้ช่วยสอนหมากรุกให้หน่อย..”
“อ้าว จริงเหรอ ไม่เป็นไร ชมรมเราต้อนรับทุกคน เล่นไม่เป็นก็ฝึกได้ จริงไหม.. อืม งั้นให้คยูฮยอนสอนก็แล้วกัน รายนั้นเขาถนัดหมากรุกที่สุดน่ะ อยู่ชั้นปีเดียวกันคณะเดียวกันด้วยนี่ ใช่ไหมคยูฮยอน”
“อะ เอ่อ ครับพี่”
ซีวอนยิ้มให้แล้วย้ายตัวเองไปนั่งตรงข้ามคนที่ประธานชมรมมอบหมายให้สอนหมากรุกเขา เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าผู้ชายคนนี้ชื่อคยูฮยอน คยูฮยอน ... ที่เจอกันโดยบังเอิญหลายครั้งแม้แต่ที่นี่ แม้จะมีท่าทางแปลก ๆ กับเขา และดูเหมือนคิดอะไรในใจตลอดเวลา แต่คยูฮยอนเล่นหมากรุกเก่งจริง ๆ ซีวอนทำความเข้าใจกับเกมหมากกระดานยาก ๆ แบบนี้ได้อย่างรวดเร็วภายใต้การสอนของคยูฮยอน ครั้นเมื่อลองเล่นไปเรื่อย ๆ จนไม่ต้องพึ่งคำแนะนำของคนสอน คยูฮยอนก็เอ่ยชมซีวอนว่าทำได้ดีทีเดียว
..ต้องลองเอาไปเล่นกับพ่อของคังอินดูสักตั้งแล้ว..
“โอ้โห เธอนี่เก่งไม่เบานะซีวอน ฉันไม่ได้เล่นหมากรุกแล้วรู้สึกสนุกขนาดนี้มานานแล้ว”
ชายสูงวัยตบบ่าซีวอนอย่างถูกอกถูกใจ รอยยิ้มของคนเป็นพ่อที่ส่งมาให้ “เพื่อนรู้ใจของลูกชาย” ทำให้คนเป็นลูกชายที่เพิ่งกลับจากงานแล้วนั่งจิบน้ำเย็นอยู่ใกล้ ๆ รู้สึกดีไปด้วย คังอินยิ้มจนตาหยี ยิ่งเมื่อยื่นมือไปบีบกระชับมือคนรักที่นั่งอยู่ตรงข้ามพ่อของเขาแล้วพ่อไม่ได้ทำตาขวางใส่เหมือนเมื่อก่อนอีกก็ยิ่งใจชื้นขึ้นเป็นกอง
ซีวอนเก็บหมากที่เล่นเสร็จใส่กล่องขณะที่บิดาของคังอินยกจอกน้ำชาขึ้นจิบ บางทีความรักของลูกชายที่เขาเห็นเป็นเรื่องน่าขายหน้าในสังคมอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างนั้น เขารู้ว่าคังอินโตเป็นผู้ใหญ่ รู้กาลเทศะพอที่จะไม่ทำให้ตัวเองและตระกูลต้องอับอาย
เรื่องนี้ .. คนเป็นพ่ออย่างเขาควรวางใจให้ลูกชายได้ทำตามหัวใจของตัวเองเต็มที่ มีความสุขอย่างที่ต้องการเสียที
“คังอิน”
“ครับพ่อ”
“ถ้ามีเวลาละก็ พาพ่อไปรู้จักที่บ้านของซีวอนบ้างนะ ต้องรบกวนลูกชายเขามาเล่นหมากรุกเป็นเพื่อนพ่ออีกนาน เราไม่ไปทำความรู้จักเขาสักหน่อยจะน่าเกลียด”
คังอินหันมาสบตากับซีวอน ก่อนจะอมยิ้มตอบบิดา
“ได้ครับพ่อ ว่าแต่ พ่อจะให้ซีวอนมาเล่นหมากรุกเป็นเพื่อนอีกนานแค่ไหนครับ”
คราวนี้พ่อเสหลบตาลูกชายที่มองมายิ้ม ๆ คำตอบของเขาบอกได้เป็นอย่างดีว่าแผนการฝึกเล่นหมากรุกของชเวซีวอนได้ผลดียิ่งกว่าอะไร ...
“ก็จนกว่าแกจะไม่อยากเจอหน้าซีวอนแล้วนั่นแหละ”
... พ่อของคังอินยอมรับเขาแล้ว ...
.........
“ครับ พี่ซีวอน”
“คยูฮยอนเหรอ คือพี่อยากจะเลี้ยงข้าวขอบคุณเรื่องที่คยูฮยอนช่วยสอนหมากรุกให้พี่น่ะ วันเสาร์ตอนเย็นว่างไหมครับ”
“อะ...เอ่อ ว่าง ว่างสิครับ..”
ปลายสายเว้นวรรคไปนิดหนึ่ง ซีวอนได้ยินเสียงคล้ายใครบางคนกรีดร้องดีใจแบบพยายามให้ไม่มีเสียง แต่ยังไม่ทันได้สงสัยอะไรมากคยูฮยอนก็กล่าวต่อ
“แต่ว่า.. เรื่องแค่นี้เอง พี่ซีวอนไม่เห็นต้องขอบคุณอะไรขนาดนั้นเลยนี่ครับ”
“ต้องขอบคุณสิ ต้องขอบคุณมากเชียวละ ถ้าไม่มีคยูฮยอนพี่แย่แน่ๆ”
ละล่ำละลักบอกขอบคุณคนสอนหมากรุกจากใจจริง ความจริงเขาคิดว่าเลี้ยงข้าวยังอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับคนที่ทำให้พ่อของคนที่เขารักยอมรับเขาได้ในที่สุด แต่ซีวอนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากวิธีนี้
“เอาเป็นว่า วันเสาร์เจอกันนะครับ ขอบคุณคยูฮยอนอีกครั้งนึงนะ ขอบคุณมาก”
“ครับ ไม่เป็นไรครับ”
วางสายไปแล้วซีวอนยังยิ้มค้างเผื่อแผ่มาถึงคนรักที่นั่งซ้อนด้านหลังเอาคางเกยบ่าเขาเอาไว้ คังอินยิ้มตอบ ถามเบา ๆ เพราะริมฝีปากอยู่ใกล้หูเสียจนซีวอนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นของอีกฝ่าย
“ว่าไงครับ จะไปเลี้ยงขอบคุณเด็กคนนั้นเหรอ”
“ครับคุณคังอิน”
“นี่ขนาดวันเสาร์ผมยังไม่ได้ไปต่างจังหวัดซีวอนยังไปเดทกับคนอื่น แบบนี้ตอนผมไม่อยู่สองสามวันจะไว้ใจได้รึเปล่าก็ไม่รู้”
“เดทอะไรกันครับ คุณคังอินก็รู้ว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับเด็กคนนั้น อีกอย่างเขาถือเป็นผู้มีพระคุณของเราสองคนเลยนะ”
“ยกย่องกันจัง”
คังอินเฉียดจมูกลงข้างแก้มคนในอ้อมกอดแล้วกดลงตรงตำแหน่งลักยิ้มเสน่ห์ของเจ้าตัว
“ล้อเล่นน่ะครับ ผมรู้หรอกว่าสำหรับซีวอน ถ้าไม่ใช่คนรักกันยังไงก็ไม่ใช่เดท”
พูดจบก็ทำท่าจะเลื่อนริมฝีปากมาจูบ ทว่าถูกซีวอนยันอกเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวครับ พรุ่งนี้ที่งานเลี้ยงบริษัทคุณคังอินจะจัดงานเลี้ยงให้คนที่ได้เลื่อนขั้นใช่ไหมครับ ผมจะไปแสดงความยินดีด้วย”
“ใช่ แต่ว่าซีวอนไม่มีเรียนเหรอครับ”
“มีครับ แต่จะไปหาคุณคังอินก่อน ก็..แฟนผมได้เลื่อนขั้นทั้งทีนี่นา”
จมูกโด่งถูกคนตัวโตบีบอย่างหมั่นเขี้ยว คังอินบรรจงจูบแล้วค่อย ๆ ดันตัวคนรักลงนอนกับโซฟา ตั้งใจว่าต่อให้พรุ่งนี้ทั้งเขาและซีวอนตื่นไปงานเลี้ยงเล็ก ๆ ที่บริษัทจัดให้นั่นไม่ทันเขาก็ไม่เสียดาย
... ทว่าอย่างไรเสีย วันรุ่งขึ้นคังอินก็ตื่นทันไปทำงาน และซีวอนก็ตื่นทันไปซื้อดอกลิลลี่จัดช่อสวยเพื่อเอาไปแสดงความยินดีกับคนรัก ...
ร่างสูงวิ่งเอาดอกกุหลาบช่อโตมาวางข้างดอกลิลลี่ในเบาะหลังรถแล้วก็นั่งนิ่งอยู่หลังพวงมาลัย ซีวอนไปหาคังอินมาแล้ว และก็พบว่าลิลลี่เป็นดอกไม้ชนิดเดียวที่คังอินรับเอาไปถือไม่ได้จริง ๆ คนรักของซีวอนแพ้กลิ่นดอกลิลลี่อย่างรุนแรง แม้เพียงครู่เดียวที่เขาถือเข้าไปหาคังอินยังได้กลิ่นแล้วเวียนหัวจนต้องหาที่นั่ง ซีวอนรู้สึกผิดจนต้องขับรถออกมาซื้อดอกไม้ช่อใหม่ แต่เมื่อมองไปยังลิลลี่สีขาวสวยช่อเดิมก็ยังรู้สึกเสียดาย
... พลันนึกอะไรขึ้นได้ อย่างไรเสียบ่ายนี้เขาก็ต้องเข้าเรียนอยู่แล้ว ก่อนหน้านั้นแวะไปดูที่ห้องชมรมหน่อยก็ไม่น่าจะเสียเวลานัก...
... อย่างน้อยเอาไปให้คยูฮยอนก็ไม่น่าจะเสียหาย ถือว่าเป็นของขวัญตอบแทนที่สอนหมากรุกให้เพิ่มมาจากการเลี้ยงข้าวก็แล้วกัน...
............
“คยูฮยอนชอบกินอาหารทะเลใช่ไหม กินเยอะ ๆ เลยนะครับ”
“เอ่อ .. แล้วพี่ซีวอนไม่กินเหรอฮะ”
“ไม่เป็นไรครับ ก็คยูฮยอนชอบนี่นา กินเถอะ ยังมีลูกชิ้นมีผักอีกตั้งเยอะ พี่กินพวกนี้ก็ได้ครับ”
ตักอาหารทะเลทั้งหมดให้คยูฮยอนแล้วซีวอนก็กลับมาสนใจอาหารในจานตัวเอง เขาเห็นตั้งแต่ตอนให้คยูฮยอนสั่งแล้วละว่าเจ้าตัวคงจะชอบอาหารทะเลมาก ซึ่งก็ดีแล้ว ... เพราะซีวอนอยากตามใจอีกฝ่ายให้มากที่สุด ไม่อยากขัดอะไรเพราะคยูฮยอนถือเป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่งสำหรับความรักของเขาและคังอิน อีกอย่างก็คือ ... อย่างไรเสียซีวอนก็แพ้อาหารทะเล แต่พูดออกไปคงทำให้ลำบากใจเปล่า ๆ สู้ไม่พูดแล้วตักให้ทั้งหมดจะดีกว่า
หลังจากจบมื้ออาหารตามใจคยูฮยอนและไปส่งเจ้าตัวถึงหน้าหอพัก กำลังโบกมือหยอย ๆ จะเดินกลับอยู่แล้วเชียวซีวอนก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“อ้อ คยูฮยอน”
.
.
“งานปาร์ตี้บายเนียร์ของคณะปีนี้ คยูฮยอนมีใครควงไปงานหรือยัง”
แสงไฟหน้าหอพักของคยูฮยอนส่องให้เห็นว่าเจ้าตัวกำลังหน้าแดงขึ้นไปถึงหู เมื่อได้ยินเจ้าตัวตอบตะกุกตะกักว่ายัง ซีวอนก็เริ่มคิดว่าที่หน้าแดงอาจจะเป็นเพราะคยูฮยอนอายที่ยังไม่มีใครควงไปงาน ซีวอนรู้สึกผิด แต่เมื่อเริ่มต้นบทสนทนาแล้วก็ควรต้องพูดต่อให้จบ
“งั้น... รีบหาซะนะครับ”
... หวังว่าคำพูดและรอยยิ้มของเขาจะเป็นกำลังใจให้คยูฮยอนบ้าง อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากให้คยูฮยอนต้องรู้สึกอายที่ไม่มีคู่ควงออกงานอย่างนี้ ...
“แล้ว..แล้ว พี่ซีวอน..ละครับ”
“พี่จะพาแฟนไปน่ะครับ แต่ไม่รู้เขาจะยอมมารึเปล่า เห็นเอาแต่บ่นว่าตัวเองแก่ ไม่เหมาะจะมางานแบบนี้ แต่พี่ว่าไม่เห็นจะแก่ตรงไหนเลย ก็แค่เพิ่งเข้าทำงานสองสามปีเท่านั้นเอง”
พูดไปก็เขินไป แต่เห็นสีหน้าปั้นยากของคยูฮยอนแล้วก็รู้ว่าตัวเองไม่ควรพล่ามอะไรยืดยาวออกไปแบบนั้นเลย คยูฮยอนคงหดหู่ที่ไม่มีคนควงอยู่แล้ว ยิ่งมาได้ยินเขาพูดเรื่องแฟนอาจจะยิ่งรู้สึกแย่ก็ได้
ยังดีที่เสียงโทรศัพท์จากคังอินเป็นเสมือนระฆังหมดยกช่วยชีวิตเอาไว้ได้พอดี
“พูดถึงก็โทรมาพอดีเลย งั้นขอตัวนะคยูฮยอน เจอกันในชมรมนะ”
ยิ้มให้คยูฮยอนแล้วก็เดินจากมาพลางรับโทรศัพท์คนรัก ซีวอนหวังลึก ๆ ในใจว่าบุญคุณที่คยูฮยอนช่วยสอนเขาเล่นหมากรุกจนทำให้พ่อของคังอินยอมรับเขาได้ในที่สุดจะเป็นกุศลให้คยูฮยอนได้พบเจอคนดี ๆ หรืออย่างน้อยก็ใครสักคนที่คยูฮยอนจะควงไปงานได้บ้าง
... ยังไงก็ขอบคุณมากนะ คยูฮยอน...
..................................EnD....................................
ผลงานอื่นๆ ของ ศีตกาล ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ศีตกาล
ความคิดเห็น